วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

การสืบค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต

การสืบค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมีหลายวิธี
1. การสืบค้นข้อมูล โดยใช้ www.google.com 
2.การสืบค้นรูปภาพ โดยใช้ www.google.com 
3. การสืบค้นข้อมูล ในรูปแบบ Index Directory 
4.การสืบค้นข้อมูล ในรูปแบบ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ 
5. การสืบค้นข้อมูลแผนที่ออนไลน์ ในรูปแบบ Google Maps 


แหล่งอ้างอิง





http://portal.edu.chula.ac.th/kanapat.a/blog/view.php?Bid=1277092261613583&msite=kanapat.a 


ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

ปรพโยชน์ ของอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อให้เกิดประโยชน์มากมายได้แก่

1. ด้านการติดต่อสื่อสาร เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการพูดคุยด้วยการส่งสัญญาณภาพและเสียง

2. เป็นระบบสื่อสารพื้นที่จำลอง (Cyberspace) ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนา เชื้อชาติ ระบบการปกครอง กฎหมาย

3. มีระบบการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต- สามารถค้นหาข้อมูลในด้านต่างๆ ได้ผ่านบริการ World Wide Web

4. การบริการทางธุรกิจ เช่น สั่งซื้อสินค้า หรือการโฆษณาสินค้าต่างๆ-

5. การบริการด้านการบันเทิงต่างๆ เช่น การดูภาพยนตร์ใหม่ๆ การฟังเพลง ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การเกมออนไลน์ เป็นต้น
โทษของอินเตอร์เน็ต

โทษของอินเตอร์เน็ต มีหลากหลายลักษณะ ทั้งที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เสียหาย, ข้อมูลไม่ดี ไม่ถูกต้อง, แหล่งซื้อขายประกาศของผิดกฏหมาย,ขายบริการทางเพศ ที่รวมและกระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ
1. อินเตอร์เน็ตเป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก - มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแพร่อยู่ปริมาณมาก

2. ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี ทำให้การค้นหากระทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

3. เติบโตเร็วเกินไป

4. ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง

5. กลั่นแกล้งจากเพื่อนใหม่

6. ถ้าเล่นอินเตอร์เน็ตมากเกินไปอาจเสียการเรียนได้ -

7. ข้อมูลบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเด็กๆ

8. ขณะที่ใช้อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์จะใช้งานไม่ได้

ที่มา http://www.nrru.ac.th/

การบริการบนอินเตอร์เน็ตและการเข้าถึงการให้บริการอินเตอร์เน็ต

เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ความบันเทิงไว้จำนวนมหาศาล เปรียบเสมือนกับห้องสมุดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อินเตอร์เน็ต มีกำเนิดจากเหตุผลทางด้านการทหารของประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนโครงการเครือข่ายที่มีชื่อว่า "อาร์พาเน็ต" อันเกิดจากความร่วมมือ กันระหว่างมหาวิทยาลัยชื่อดัง 4 แห่ง เครือข่ายดังกล่าวก็เป็นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ซึ่งมีประโยชน์มากทั้งทางด้านการศึกษาและการทหาร ภายหลังองค์กรและบริษัทต่างๆ ก็เล็งเห็นประโยชน์ ในการใช้เครือข่ายให้เป็นประโยชน์ จึงได้ขอดำเนินการเชื่อมเครือข่ายของตนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้ขนาดของเครือข่ายขยายขอบเขตจนครอบคลุมทั่วโลกดังที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบันและได้เรียกชื่อ เครือข่ายดังกล่าวใหม่ว่า "เครือข่ายอินเตอร์เน็ต" 


ที่มา http://www.thaigoodview.com/node/39367

ความสำคัญของอินเทอร์เน็ตที่มีผลต่อชีวิตประจำวันและการศึกษา

ใช้ในการค้นหาข้อมูลในการทำงาน และมีเทคโนโลยีที่สะดวกในการใช้งานทำให้มีการเรียนรู้หลายอย่างที่ทันสมัยนอกเหนือจากห้องเรียน สามารถนำมาใช้ในด้านการบันเทิงต่างๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น

อินเตอร์เน็ตคืออะไร

 อินเตอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภัยร้ายจากโลกไซเบอร์ 5

 ณ ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้โลกไร้พรมแดน อย่าง อินเตอร์เน็ตนำความสะดวกสบาย และประโยชน์มามากมายสู่มนุษย์ อาทิ การประชุมที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงสถานที่นั้นๆ เพียงมีระบบ วีดีโอ Conference ก็สามารถประชุมได้แล้ว หรือจะเป็นเรื่องของความรวดเร็วในการก้าวทันโลกยุคข่าวสาร เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วคลิกเข้าเว็บไซต์ก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ รวมถึงความสะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อของก็สามารถทำธุรกรรมผ่านตลาดออนไลน์ในโลกไซเบอร์ ได้ 
          “แชท” หรือ ระบบสนทนาผ่านแป้นพิมพ์ คืออีกหนึ่งความสามารถของอินเตอร์เน็ต และเป็นที่นิยมอย่างมาก จนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันภัยที่เกิดจากอินเตอร์เน็ตมีเกิดขึ้นพร้อมๆ กันกับวิทยาการอันก้าวล้ำเช่นกัน 
          ตัวอย่าง คดีฆ่าหั่นศพหญิงสาว ด้วยน้ำมือฆาตรกรหนุ่มจากปากีสถาน ซึ่งทั้งสองรู้จักกันผ่านการแชท และกรณีเช่นนี้หาได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากแต่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นการล่อลวงไปข่มขืน จากเหตุที่เกิดขึ้น ทำเอาบางกลุ่มชนในสังคมไม่อยากให้มีระบบอินเตอร์เน็ตกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะผู้ใหญ่ซึ่งไม่มีความรู้ความเข้าใจในระบบ 
          อย่าง “นางสมหมาย เรืองจรูญ” อาชีพค้าขาย เจ้าตัวกล่าวว่าเธอมีลูกสาวชอบเล่นอินเตอร์เน็ตทุกวัน และตัวเธอเองไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวเลย 
          “เรามีเพียงปัญญาหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อลูกเท่านั้น เขาอยากได้อะไรก็หาให้ อะไรที่สนับสนุนการศึกษาเขา เพื่อทำให้เขาได้เรียนได้อย่างเต็มที่ ก็ยินดีที่จะหามาให้ลูก” 
          “ คอมพิวเตอร์ก็เป็นของที่เราหาให้เขา จ่ายค่าอินเตอร์เน็ตให้ทุกเดือน ไอ้การที่เขาจะนำไปเล่นแบบที่เกิดปัญหาอย่างในข่าว เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้และก็ไม่มีทางรู้ได้เลย นี่ก็เพิ่งรู้ว่ามันมีอย่างนี้ด้วย มีการหาคู่ของวัยรุ่นทางอินเตอร์เน็ตด้วย พอรู้ก็ตกใจเหมือนกัน 
          ใจเราก็ไม่อยากให้เขาไปเล่นเลย แต่ก็ห้ามไม่ได้ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างนี่เราก็หามาให้เขาได้ใช้ แต่เมื่อมันเป็นดาบสองคม อันนี้ก็จนปัญญา ก็หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่นั่นแหละห่วงเขา คงต้องขึ้นอยู่กับลูกว่าเขาจะเลือกอย่างไร เราเลี้ยงเขาได้แค่ตัว ทำได้แค่ดูแลส่งเสีย และก็เป็นห่วงในสภาพสังคมร้ายๆ ที่มีอยู่ทุกวันนี้ ไม่อยากให้อะไรที่มันไม่ดีเกิดกับลูกเรา” 
          นั่นคือความรู้สึกจากปากของผู้ปกครองซึ่งไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของอินเตอร์เน็ต มีเพียงสิ่งเดียวก็คือห่วงความปลอดภัยของบุตรหลานในขณะที่ตัวของนักศึกษาที่มีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีทันสมัยอย่างที่ว่าบอกภัยที่เกิดขึ้นจากการแชทเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ “โบ ณัฐรินีย์ พาทีไพเราะ” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้า เป็นหนึ่งในหลายๆ คนที่คิดเช่นนั้น 
          โดยโบกล่าวว่าทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักศึกษา อย่างในเรื่องของการค้นคว้าหาข้อมูล 
          “โบเป็นคนหนึ่งที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นประจำทั้งใช้ทำงาน หรืออยากรู้อะไรก็เข้าไปค้นหาดู แล้วก็ใช้แชทกับเพื่อน โบคิดว่ามันไม่เปลืองเงินค่าโทรศัพท์ดีออก ขณะเดียวกันมันก็เป็นดาบสองคมจริงๆ ก็ตามข่าวที่ออกมานั่นล่ะเวลาโบแชทกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอตัวจริง ก็จะมีขอบเขตของตัวเอง คือเราไม่มีทางรู้ว่าคนที่เราแชทด้วยนิสัยเป็นอย่างไร คือการแชทจะพิมพ์ข้อความอะไรก็ได้ โดยที่ไม่มีอะไรบ่งบอกได้ว่าคนๆ นั้นนิสัยใจคอเป็นอย่างไร ทางที่ดีที่สุด เราต้องป้องกันตัวเอง เวลาแชทก็เอาแค่แลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติกันเท่านั้น” 
          นอกจากนี้ โบยังให้ความเห็นว่าคนที่ชอบแชทกับคนที่ไม่รู้จักเป็นเวลานาน และชอบที่จะแชทกับคนที่ไม่รู้จัก หลายๆ คน น่าจะเป็นคนขี้เหงา ก็เลยรู้สึกดีกับการสนทนาผ่านทางคอมพิวเตอร์ 
          “คนที่เป็นอย่างนั้น คนรอบข้างนี่ล่ะสำคัญต้องช่วยกัน ช่วยกันดูแลวิธีนี้น่าจะเป็นการป้องกันที่ดี เพื่อไม่เปิดช่องทางให้เกิดอาชญากรรมอย่างที่เกิดขึ้น อย่างโบเอง คุณแม่คอยเตือนและดูแล ยิ่งพอเห็นข่าวในทีวีว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้นะ เพราะอินเตอร์เน็ต คุณแม่ก็เข้ามาเตือนและสอนประจำเลยค่ะ”--จบ-- 
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ภัยร้ายจากโลกไซเบอร์ 4

  1. ใบแจ้งราคาสินค้า (ปลอม) ถ้าได้รับข้อความอีเมล์แจ้งให้เปิด และพิมพ์ "ใบแจ้งราคาสินค้า" ที่ได้แนบไฟล์มานั้นมันคือ โทรจัน ซึ่งตัวล่าสุดที่พบคือหนอนไวรัส WORM_OTORUN.C
  2. โทรจันที่มาพร้อมใบรับสินค้า (ของปลอม) อีเมล์จากผู้จัดส่งสินค้ายอดนิยมซึ่งแจ้งว่าไม่สามารถส่งมอบของให้ผู้รับได้ พร้อมแนบไฟล์ข้อมูลที่ดูเหมือนเป็นใบแจ้งหนี้ แต่จริงๆ แล้วเป็นข้อความสแปมที่จะล่อลวงผู้ใช้ให้ติดตั้งโทรจันลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
  3. อีคอมเมิร์ซฟิชชิ่ง อีเบย์(eBay) ร้านค้าปลีกออนไลน์ที่ฮิตติดอันดับทั้งทางซื้อขาย และการขโมยข้อมูลของผู้ใช้เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ทางการเงิน
  4. ข้อมูลส่วนบุคคล บัตรของขวัญ และโปรโมชัน (ของปลอม) ผู้ใช้ที่ขอบค้นหาของฟรีหรือโปรโมชั่นพิเศษบนเว็บนั้นเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดย เว็บไซต์จะให้กรอกแบบสำรวจปลอมก่อนถูกที่จะขโมยข้อมูลลับหรือข้อมูลส่วนตัวนั้นไป
  5. เว็บไซต์สุดฮิต เป้าหมายหลักของการติดเชื้อคือเชื่อว่าเว็บไซต์นั้นน่าจะปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีการเข้าชมสูง ฯลฯ
  6. ผลการค้นหาแหล่งช้อปปิ้งช่วงคริสต์มาส (ที่เป็นอันตราย) ภัยคุมคามซึ่งเป็นผลของการค้นหาคำว่า "Christmas gift shopping" ถูกพบว่านำไปสู่มัลแวร์หลากหลายชนิดที่เป็นอันตรายเช่น มัลแวร์ ฟิชชิ่งไซต์ ยูอาร์แอลอันตราย
  7. โฆษณามัลเแวร์ (Malvertisements) มักใช้โฆษณาและข้อเสนอเลียนแบบโฆษณาของจริง เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ โดยอาศัยความเชื่อใจของผู้ซื้อผ่านทางเว็บไซต์ยอดนิยม เ่ช่น Google MySpace เป็นต้น
  8. บัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (อี-การ์ด) อาชญากรไซเบอร์มักจะใช้บัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีการ์ดเพื่อล่อลวงเหยีื่อให้คลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายในข้อความสแปม
  9. ไซต์การกุศลจอมปลอม ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น เหตุการ์แผ่นดินไหว ไฟป่า น้ำท่วม ล้วนถูกอาชญากรไซเบอร์นำมาใช้ ประโยชน์เพื่อหลอกลวงให้รู้สึกอยากทำบุญและต้องการบริจาค อีกทั้งยังต้องสูญเสียเงินหรือข้อมูลที่เป็นความลับแถมไปอีกด้วย
  10. ภัยลวงนักล่าของถูก อาชญากรไซเบอร์จะใช้ส่วนลด และโปรโมชั่นเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้คลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย หรือใส่ข้อมูลที่เป็นความลับของตนลงในเว็บไซต์หลอกลวง

ภัยร้ายจากโลกไซเบอร์ 3

วช.จับมือซิป้า-มธ. จัดโครงการประกวดหนังสั้นและคลิปวีดีโอระดับเยาวชน ในหัวข้อ "ภัยเงียบจากโลกไซเบอร์"


วช.จับมือซิป้าและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดโครงการประกวดหนังสั้นและคลิปวีดีโอ ภัยเงียบจากโลกไซเบอร์ เพื่อเป็นช่องทางเตือนภัยออนไลน์ให้เยาวชนได้แสดงความสามารถด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในทางที่ถูกต้อง
ศาสตราจารย์นายแพทย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. กล่าวว่า โครงการประกวดหนังสั้นและคลิปวีดีโอสำหรับเยาวชน โดยผ่านทาง www.thaitube.in.th เป็นความร่วมมือระหว่าง วช. สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือ ซิป้า และสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดขึ้นเนื่องจากปัจจุบันเยาวชนและโลกไซเบอร์หรือโลกอินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องกันบ่อยครั้งในแต่ละวัน ซึ่งโลกอินเทอร์เน็ตก็ย่อมมีทั้งคุณและเกิดโทษในคราวเดียวกัน เนื่องจากสามารถพบเห็นภัยออนไลน์คุกคามเยาวชนอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดโครงการประกวดหนังสั้นและคลิปวีดีโอสำหรับเยาวชนขึ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนัก รู้เท่าทันผลกระทบและภัยจากสื่ออินเทอร์เน็ตในหลากหลายรูปแบบ ทั้งจากความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตผลงาน หรือการถ่ายทอดประสบการณ์แลกเปลี่ยนความรู้ภัยร้ายที่เคยพบเจอจากโลกออนไลน์
โดยการประกวด หนังสั้นและคลิปวีดีโอสำหรับเยาวชนผ่านทาง www.thaitube.in.th ในปีนี้ เป็นการประกวดในหัวข้อ ภัยเงียบจากโลกไซเบอร์ เยาวชนและนักเรียน นักศึกษาที่สนใจส่งผลงานหนังสั้นและคลิปวีดีโอเข้าประกวด สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.thaitube.in.th และผลงานทุกชิ้นทั้งที่ได้รับรางวัลและร่วมส่งเข้าประกวดทุกชิ้นจะถูกนำเผยแพร่ผ่านทาง www.thaitube.in.th เพื่อใช้เป็นสื่อเตือนภัยออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบให้เยาวชนและบุคคลทั่วไปได้ใช้เป็นช่องทางเรียนรู้เพื่อรู้เท่าทันภัยออนไลน์


ข้อมูลและที่มา
ผู้สื่อข่าว : อนงนาฎ สิทธิคง   Rewriter : สุนันทา สุขสุมิตร
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

ภัยร้ายจากโลกไซเบอร์ 2

 ประเภทที่สอง เสนอการทำงานนอกเวลาโดยใช้เว็บบอร์ดส่งข้อความง่ายๆ แต่สามารถกระตุ้น “ความอยาก” ได้ไม่ยาก เช่น มีงานนอกเวลารายได้ดี แต่เมื่อมีการติดต่อไปส่วนใหญ่จะกลายเป็นทำธุรกิจแบบ “แชร์ลูกโซ่ “ คือจะต้องหาสมาชิกเพิ่มตามจำนวนที่กำหนดจึงจะได้เงินตามประกาศ บางรายอาจเสียทั้งเงินและเวลา


ที่มา http://onlinecyber1.blogspot.com/2012/02/6.html

ภัยร้ายจากโลกไซเบอร์ 1

  ประเภทแรก ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือการถูกหลอกลวง เพราะมิจฉาชีพส่วนใหญ่จะเข้าใจและรู้ว่าคนส่วนมากต้องการได้ของ ”ถูกและของดี” ซึ่งปัญหาที่พบมากที่สุดคือการหลอกซื้อโทรศัพท์มือถือ ยาลดความอ้วน    


ที่มา  http://onlinecyber1.blogspot.com/2012/02/6.html

ค้นหาหนังสือ (Books)

ปัจจุบัน Search Engine ที่มีผู้ใช้งานในลำดับต้นๆ ของโลก ทุกคนคงจะนึกถึง Google
เวลาที่เราต้องการข้อมูลอะไรก็ตามเราก็จะเริ่มที่หน้าของ Google แล้วพิมพ์คำที่เราต้องการค้น เช่น ระบบสารสนเทศ
ผลของการสืบค้นจากการใช้ Search Engine จะมีสารสนเทศจำนวนมากถูกค้นออกมา
เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้ ผู้ใช้สามารถได้เนื้อหาและข้อมูลในทันที แต่เราจะเชื่อถือข้อมูลได้มากเพียงไรขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของข้อมูล
รวมถึงเราจะนำข้อมูลที่ได้จากอินเทอร์เน็ตไปอ้างอิงประกอบได้หรือไม่
แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเอกสารที่เราสืบค้นมีใครเป็นผู้แต่งที่แท้จริง
googlebooks
Google Book Search - http://books.google.com/
เป็นบริการใหม่ของ Google ที่ให้บริการในการสืบค้นหนังสืออิเล็ทรอนิกส์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งผลจาก การสืบค้นปรากฎว่าได้สารสนเทศแบบเต็ม (Full-text Search)
ซึ่งช่วยให้ผู้ที่ทำงานวิจัยอาจารย์ นักศึกษา สามารถค้นหนังสือและอ่านหนังสือได้อย่างไม่มีข้อจำกัดทางด้านถานที่และเวลา
ยกตัวอย่างจาก นาย ก. เช่นเดิมที่ค้นหนังสือสารสนเทศในตอนเที่ยงคืนของวันอาทิตย์
หากนาย ก. ใช้บริการ Google Books Search ในตอนนั้น นาย ก. ก็จะได้ข้อมูลในทันที ไม่ต้องรอมาที่ห้องสมุด
แต่อย่างไรก็ตาม Google Books Search ยังมีข้อจำกัดหนึ่งสำหรับคนไทยคือ
ยังไม่สามารถสืบค้นหนังสือฉบับภาษาไทยได้ ดังนั้นหนังสือที่ค้นได้จะอยู่ในภาษาอื่นๆ เท่านั้น
คนไทยคงต้องรอกันอีกสักระยะมั้งครับถึงจะใช้ได้อย่างสมบูรณ์ 

แต่ถ้าอนาคต Google ทำให้สามารถค้นหนังสือภาษาไทยได้ถึงต่อนั้น
Google คงเป็นหนึ่งในคู่แข่งของห้องสมุดแน่ๆ อีกไม่นานต้องรอดูกันไป

ค้นหาวิดีโอ (Video)

 เว็บ http://video.google.com/ 
-ดู Categories ได้ที่นี่ เข้าไปแล้วคลิกเลือก Category ที่ต้องการ
http://www.jimmyr.com/blog/Hidden_Google_Video_Categories_186_2006.php 
-พิมพ์ ยาแก้ไอ word เพื่อค้นเรื่อง, Enter
-และ คลิกเลือก duration, time, relevance, quality, videos, source ที่คอลัมน์ซ้ายมือ


ที่มา http://forum.sawathee.com/index.php?topic=1340.0

ค้นหาแผนที่ (Maps)



ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=Mdk85GouzR8

ค้นหารูปภาพ (Images)



ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=vdnoZ5z5Hfc

ค้นหาเว็บ (Web)

เทคนิคการทำให้เว็บไซต์ติดใน Searh Engine
            1 . ใส่ Keyword ใน Title ของหน้าเว็บ
การใส่ Key Word ในหน้าเว็บไซต์ในส่วนของแท็ก <Title> จะช่วยทำให้  Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์หน้านั้นๆ ของคุณมีข้อมูลเกี่ยว กับอะไร ซึ่งข้อมูลนี้จะแสดงอยู่ในตำแหน่งบนด้านบนสุดของบราวเซอร์ ซึ่งตำแหน่งนี้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่ง

            2. การใส่ Key Word ที่ต้องการในส่วนด้านบนของเว็บไซต์และการเน้นด้วยตัวหนา
การเน้น Key Word ที่ต้องการในหน้าเว็บไซต์ด้านบน และมีการเน้น key word ภายในหน้าเว็บไซต์ด้วย ตัวหน้าหรือการใช้แท็ก จะเป็นการเน้นให้ Search Engine รู้ว่า นี้คือคำที่เราต้องการเน้นและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่ง Search Engine จะให้ความสำคัญและน้ำหนักกับ Key Word เหล่านี้

           
 3. หลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ด้วย Flash หรือรูปภาพเยอะ ไม่มีตัวหนังสือ
เพราะ Google จะอ่านจากโค๊ดของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งหากเว็บไซต์คุณ มีแต่ภาพ และยิ่งเป็น Flash ด้วยแล้วละก็ Google จะไม่รู้จักเว็บไซต์คุณเลยว่าเกี่ยวกับอะไร คุณควรปรับเปลี่ยนเพิ่ม ตัวหนังสือเข้าไปในเว็บไซต์ เพื่อให้ Google ได้รู้จักเว็บไซต์อของคุณ

            4. หลีกเลี่ยงใช้ออกแบบเว็บไซต์ด้วยเฟรม
เพราะการออกแบบเว็บไซต์ด้วย เฟรม <frame>  จะทำให้ Search Engine จะไม่สามารถทราบได้ถึงข้อมูลที่มีอยู่ในเนื้อหาในหน้านั้นๆ เพราะเนื้อหาในหน้านั้น ๆได้ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ โดยการใช้เฟรม ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงซะ (การใช้เฟรม คือ การออกแบบหน้าเว็บที่มีหน้าเว็บหลาย ๆส่วนประกอบเข้าด้วยกันในหน้าเดียว)

            5. การเขียนเว็บด้วยภาษาง่าย ๆ ไม่ใช่โค๊ดที่สลับสับซ้อน
การออกแบบเว็บไซต์ โดยมี code ที่สั้นและกระชับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์คุณง่ายต่อการค้นหาของ Search Engine อย่าใช้ code ฟุ่มเฟือยจนเกินไป ไม่ใช้ table มากเกินไป ลดการใช้ JavaScript และ CSS เท่าที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ คำค้นหาสำคัญๆ ควรอยู่ส่วนบนๆของเว็บเพจให้มากที่สุด

            6. ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ และใส่คำอธิบายให้กับภาพ
คุณ ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพที่ตรงกับ Keyword ที่คุณต้องการ และควรใส่คำอธิบายภาพ โดยใช้แท็ก <alt> คำอธิบาย </alt>เพื่อทำให้ Search Engine รู้ว่าภาพที่คุณใส่เข้าไปในเว็บไซต์คุณคือภาพอะไร และเกี่ยวกับอะไร ซึ่งจะมีผลต่อการค้นหาของ Search Engine ด้วย

            7. ใส่ คีย์เวริด์ ให้หนาแน่น ภายในหน้าเว็บไซต์
การที่ในหน้าเว็บไซต์ของคุณมี Key Word ที่ซ้ำๆ หลายๆ คำในหน้านั้นๆ  (Key Word Density) นั่นหมายถึงหน้าๆ นั้นของคุณมีข้อมูลและเรื่องราวที่เกี่ยวกับคำๆนั้น ซึ่ง Search Engine ให้ความสำคัญกับส่วนนี้ เช่นกัน ซึ่งควรจะมีการซ้ำๆ กันของ Key Word ในหนึ่งหน้าเว็บ ไม่ควรเกิน 20% ซึ่งหากใส่มากเกินไปจะกลายเป็นการ Key Word Spamming ซึ่งอาจจะทำให้เว็บไซต์คุณโดนบล็อกไปเลย

            8. ขนาดไฟล์ HTML ของหน้าเว็บไซต์ไม่ควรเกิน 32K
ถ้าหน้าเว็บไซต์ของคุณ มีขนาดใหญ่จนเกินไป จะทำให้ Search Engine ไม่สามารถเก็บข้อมูลของหน้าเว็บไซต์คุณได้ ดังนั้นในการออกแบบ ควรไม่ให้มีขนาดไฟล์ HTML ไม่เกิน 32K

            9. แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ 
การแลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ และมีเว็บไซต์อื่นๆ ลิงค์มาหาคุณเยอะๆ เป็นการแสดงว่า เว็บไซต์คุณเป็นที่รู้จักจากซึ่ง Google จะให้คะแนนของเว็บไซต์คุณ 
    
           10. ทำ Site Map ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
Site Map ก็คือแผนที่เว็ปไซด์ของคุณ ว่าเว็ปไซด์คุณมีหน้าเว็ปต่างๆ อยู่ที่ไหนบ้าง หน้าไหน link ไปสู่หน้าไหน เป็นการรองรับให้ทุกๆ หน้าของเว็ปไซด์คุณถูกเข้าถึงได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ Google สามารถทราบได้ว่าในเว็บไซต์ของคุณมีหน้าเว็บอะไรบ้างทั้งหมด


ที่มา  http://www.thevistahosting.com/board/index.php?topic=57.0

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต

ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต


          ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา 
          - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ 
          - ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ 
          - นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น 

ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ 
          - ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ 
          - สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
          - ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น 

ด้านการบันเทิง 
          - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป 
          - สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ 
          - สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้

            
          1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้ 
          2. เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้ 
          3. การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง 
          4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้ 
          5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน 
          6. การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม 
          7. การซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต 
          8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
          โดยสรุปอินเทอร์เน็ต ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร

บริการต่างๆของอินเตอร์เน็ต

บริการต่าง ๆ ของอินเทอร์เนต
1. ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail)
เป็นบริการหนึ่งบนอินเทอร์เนตที่คนนิยมใช้กันมากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพิวเตอร์ถึงผู้ที่มีบัญชีอินเทอร์เนต ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลคนละซีกโลกจดหมายก็จะไปถึงอย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายดายโปรแกรมที่ใช้ ในการรับ-ส่งจดหมายอิเลคทรอนิคส์นั้นมี หลายโปรแกรมด้วยกันแล้วแต่จะเลือก ใช้ตาม ความ ชอบหรือความถนัด โปรแกรมที่พูดถึงก็เช่น Eudora, Pine, Netscape Mail, Micorsoft Explorer และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น
2. World Wide Web (WWW)   เป็นการเข้าสู่ระบบข้อมูลอย่างหนึ่งที่กำลังเป็นที่ฮิตสุดบนอินเทอร์เนต ข้อมูลนี้จะอยู่ในรูปของ Interactive Multimedia คือ มีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดีโอ อีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ระบบที่เรียกว่า hypertext กล่าวคือ จะมีคำสำคัญหรือรูปภาพในข้อมูลนั้นที่จะช่วยให้ท่านเข้าสู่รายละเอียดที่ลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้น คำสำคัญดังกล่าวจะเป็นคำที่เป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ เพียงแต่ท่านเลือกกดที่คำที่เป็นตัวหนาหรือขีดเส้นใต้ นั้น ๆ ท่านก็สามารถเข้าสู่ข้อมูลเพิ่มเติมได้ (ข้อมูลเหล่านี้จะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ทั่วโลก) Uniform Resource Locator (URL) คือที่อยู่ของข้อมูลบน WWW ซึ่งถ้าเราจะหาข้อมูลเราต้องทราบที่อยู่ของ homepage หรือ URL ก่อน ตัวอย่างที่อยู่ของ homepage ของกลุ่มเซนต์จอห์นคือ ttp://www.stjohn.ac.th ส่วนโปรแกรมที่ช่วยให้เข้าสู่ข้อมูลที่อยู่บน WWW ได้ คือ Netscape และ Microsoft Explorer เป็นต้น
3. FTP (File Transfer Protocol)    คือ บริการที่ใช้ในการโอนย้าย file หรือข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังอีกคอมพิวเตอร์หนึ่ง ในเครือข่ายอินเทอร์เนตถ้าเครื่องนั้นๆต่อเข้ากับระบบที่เป็นอินเทอร์เนตก็สามารถโอนย้ายข้อมูลกันได้เครื่อง คอมพิวเตอร์บางที่นั้นจะทำหน้าที่ เป็นศูนย์รวมของข้อมูลต่าง ๆ เช่น รูปภาพ , ข้อความ , บทความ , คู่มือ และโปรแกรมต่าง ๆ ที่เป็น Freeware หรือ Shareware เและเปิดให้เข้าไปโอนย้านมาได้ฟรี โปรแกรมที่จะช่วยในการโอนย้ายข้อมูล ก็เช่น Netscape, Telnet WSFTP เป็นต้น
 4.Telnet  เป็นบริการที่ช่วยให้เราสามารถเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อื่นเสมือนหนึ่งไปนั่งใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของที่นั่น โปรแกรมที่ช่วยให้ท่านใช้บริการนี้ได้คือ โปรแกรม NCSA Telnet เมื่อเปิดโปรแกรมแล้วให้พิมพ์คำสั่ง Telnet ดังในรูปภาพข้างล่างเมื่อท่านใช้คำสั่ง Telnet แล้วให้พิมพ์ที่อยู๋ของแหล่งข้อมูลนั้น ท่านก็จะสามารถเข้าสู่ระบบข้อมูลนั้น ๆ ได้เสมือนท่านไปนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเครื่อง ๆ นั้นเลยทีเดียว ระบบ Telnet
5. Usenet / News groups   เป็นบริการที่ช่วยให้ท่านเข้าสู่ข่าวสารข้อมูลของกลุ่มสนทนาแลกเปลี่ยนปัญหาข้อสงสัยข่าวสารต่าง ๆ กลุ่มเหล่านี้จะมีสารพัดกลุ่มตามความสนใจ โปรแกรมที่ช่วยให้ท่านใช้บริการนี้ คือ โปรแกรม Netscape News ที่อยู่ใน โปรแกรม Netscape Navigator Gold 3.0 เมือเปิดโปรแกรมดังกล่าว จากนั้นรายชื่อของกลุ่มสนทนาจะปรากฎขึ้นให้ท่านเลือกอ่านตามใจชอบ
หากจะใช้ Internet ควรต้องมีอะไรบ้าง ?
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมอยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เนต การต่อเครื่องเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เนตนั้น ลักษณะการต่อจะขึ้นอยู่กับความเร็วของสายที่ต่อเชื่อม
2. หากท่านต้องการใช้บริการอินเทอร์เนตจากที่บ้าน โดยการต่อคอมพิวเตอร์ที่บ้านให้เข้าสู่ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต ท่านต้องมี Modem (โมเด็ม) หรือตัวแปลงสัญญาณ โมเด็มจะเป็นตัวช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านรับข้อมูลจากอินเทอร์เนต ได้ความเร็วของ Modem ควรจะเป็นอย่างต่ำ 14.1 kbps หรือมากกว่านั้น (kilobyte per second = อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล)
3. หากท่านใช้บริการอินเทอร์เนตจากที่ทำงาน มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน สำหรับหน่วยงานใหญ่ ๆ มักจะมีการต่อเชื่อมเข้ากับระบบอินเทอร์เนตด้วยการใช้สายเช่า ซึ่งมีความเร็วในการส่งสัญญาณสูงแทนโมเด็ม และจะต้องมีโปรแกรมที่ช่วยให้ท่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เนต ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะเลือกใช้บริการอะไร ตัวอย่างเช่น หารกจะใช้ E-Mail (Electronic Mail) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โปแกรมที่จะใช้ได้ เช่น Pine , Eudora , Netscape Mail, Microsoft Explorer แต่ถ้าจะใช้ WWW ก็ต้องใช้โปรแกรม Netscape เป็นต้น
4. Internet Account ท่านต้องเปิดบัญชีอินเทอร์เนต เหมือนกับต้องจดทะเบียนมีชื่อและที่อยู่บนอินเทอร์เนต เพื่อที่ว่าเวลาติดต่อสื่อสารกับใครบนอินเทอร์เนต จะได้มีข้อมูลส่งกลับมาหาท่านได้ถูกที่

ความรู้เบื้องต้นเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เนต (Internet) คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกิดขึ้นจากระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ รวมกันเป็นระบบเครือข่ายใหญ่ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันทั่วโลก
อินเทอร์เนตเกิดขึ้นได้อย่างไร
รากฐานของอินเทอร์เนต เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว โดยเริ่มจากเครือข่าย ARPANET ของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลวิจัยทางการทหาร หลักจากนั้นระบบเครือข่ายย่อยอื่น ๆ ก็ได้ทำการต่อเชื่อมและขยายแวดวงออกไปทั่วโลก ดังนั้นอินเทอร์เนตจึงไม่ได้เป็นของใครหรือของกลุ่มใดโดยเฉพาะ
อินเทอร์เนตทำอะไรได้บ้าง ?
เดิมทีการใช้บริการจำกัดให้ใช้ในด้านการศึกษาวิจัยและอยูในแวดวงการศึกษาเท่านั้น ต่อมาได้มีการขยายในเชิงธุรกิจมากขึ้น ทำให้ขอบข่ายการใช้ Internet มีมากมาย เช่น
1. สามารถติดต่อกับคนได้ทั่วโลก
2. สามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล , ความคิดเห็น
3. สามารถใช้ช่วยในการค้นหาและโอนย้าย Software ต่าง ๆ มาได้ฟรี
4. สามารถค้นคว้าวิจัย เปรียบเหมือนคุณเข้าห้องสมุดไปศึกษาค้นคว้าหนังสือต่าง ๆ โดยที่ตัวคนเองไม่ต้องไปยังห้องสมุดนั้น
5. สามารถอ่านข่าวสารของกลุ่มสนทนาต่าง ๆ
6. สามารถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ทั่วโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ , สวนสัตว์ เป็นต้น

การใช้งานอีเมลล์

อีเมล (ชื่อย่อของ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์) เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกในการติดต่อกับผู้อื่น คุณสามารถใช้อีเมลในการ
  • ส่งและรับข้อความ คุณสามารถส่งข้อความอีเมลไปให้บุคคลใดก็ได้ที่มีที่อยู่อีเมล ข้อความนั้นจะเข้าไปอยู่ในกล่องอีเมลขาเข้าของผู้รับภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่หลังถัดไป หรือใครก็ตามที่อยู่ไกลถึงครึ่งค่อนโลก
    อีเมลเป็นการติดต่อแบบสองทาง คุณสามารถรับข้อความจากผู้ที่ทราบที่อยู่อีเมลของคุณ จากนั้นคุณก็อ่านแล้วตอบกลับข้อความเหล่านั้น
  • ส่งและรับแฟ้ม นอกจากข้อความแล้ว คุณยังสามารถส่งแฟ้มแทบทุกชนิดในข้อความอีเมล รวมทั้งเอกสาร รูปภาพ และเพลง แฟ้มที่ส่งมาในข้อความอีเมลเรียกว่า สิ่งที่แนบมา
  • ส่งข้อความไปยังกลุ่มบุคคล คุณสามารถส่งข้อความอีเมลไปให้ผู้รับหลายคนพร้อมกัน ในขณะที่ผู้รับสามารถตอบกลับไปยังกลุ่มทั้งกลุ่มได้ ซึ่งทำให้เกิดการอภิปรายกลุ่ม
  • ส่งต่อข้อความ เมื่อคุณได้รับข้อความอีเมล คุณสามารถส่งต่อไปให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องพิมพ์ข้อความนั้นใหม่
ข้อดีอย่างหนึ่งของอีเมลเมื่อเปรียบเทียบกับโทรศัพท์หรือจดหมายทั่วไปก็คือความสะดวกในการใช้งาน คุณสามารถส่งข้อความในเวลาใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ถ้าผู้รับไม่อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และไม่ได้ ออนไลน์ (เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต) ในขณะที่คุณส่งข้อความ ผู้รับจะพบอีเมลรออยู่ในเวลาต่อมาที่เขาตรวจสอบอีเมล ในกรณีที่ผู้รับออนไลน์อยู่ คุณอาจได้รับการตอบกลับภายในไม่กี่นาที
นอกจากนี้ การใช้อีเมลยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ด้วย ซึ่งต่างกับการส่งจดหมายทั่วไป เพราะการส่งอีเมลไม่จำเป็นต้องมีแสตมป์หรือเสียค่าธรรมเนียม และไม่ต้องกังวลว่าผู้รับจะอยู่ที่ใด ค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียวที่คุณต้องจ่ายคือค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

มารยาทในการใช้งานอินเตอร์เน็ต


อินเทอร์เน็ตถือได้ว่าเป็นบริการสาธารณะและมีผู้ใช้จำนวนมาก เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผู้ที่เข้ามาใช้ควรมีกฏกติกาที่ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานที่ผิดวิธี ในทีนี้ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ1. มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่เข้าไปใช้บริการต่างๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ
ด้านการติดต่อสื่อสารกับเครือข่าย ประกอบด้วย
  • ในการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายควรใช้ชื่อบัญชี (Internet Account Name) และรหัสผ่าน (Password) ของตนเอง ไม่ควรนำของผู้อื่นมาใช้ รวมทั้งนำไปกรอกแบบฟอร์มต่างๆ
  • ควรเก็บรักษารหัสผ่านของตนเองเป็นความลับ และทำการเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นระยะๆ รวมทั้งไม่ควรแอบดูหรือถอดรหัสผ่านของผู้อื่น
  • ควรวางแผนการใช้งานล่วงหน้าก่อนการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
  • เลือกถ่ายโอนเฉพาะข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ เท่าที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง
  • ก่อนเข้าใช้บริการต่างๆ ควรศึกษากฏ ระเบียบ ข้อกำหนด รวมทั้งธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละเครือข่ายที่ต้องการติอต่อ
ด้านการใช้ข้อมูลบนเครือข่าย ประกอบด้วย
  • เลือกใช้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีแหล่งที่มาของผู้เผยแพร่ และที่ติดต่อ
  • เมื่อนำข้อมูลจากเครือข่ายมาใช้ ควรอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น และไม่ควรแอบอ้างผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
  • ไม่ควรนำข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต
ด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ ประกอบด้วย
  • ใช้ภาษาที่สุภาพในการติดต่อสื่อสาร และใช้คำให้ถูกความหมาย เขียนถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
  • ใช้ข้อความที่สั้น กะทัดรัดเข้าใจง่าย
  • ไม่ควรนำความลับ หรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาเป็นหัวข้อในการสนทนา รวมทั้งไม่ใส่ร้ายหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ดูถูก เหยียดหยามศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อของผู้อื่น
  • ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นควรสอบถามความสมัครใจของผู้ที่ติดต่อด้วย ก่อนที่จะส่งแฟ้มข้อมูล หรือโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ไปยังผู้ที่เราติดต่อด้วย
  • ไม่ควรส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ที่ก่อความรำคาญ และความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น จดหมายลูกโซ่
ด้านระยะเวลาในการใช้บริการ ประกอบด้วย
  • ควรคำนึงถึงระยะเวลาในการติดต่อกับเครือข่าย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้คนอื่นๆ บ้าง
  • ควรติดต่อกับเครือข่ายเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานจริงเท่านั้น
2. มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ลงบนอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย
  • ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และข่าวสารต่างๆ ก่อนนำไปเผยแพร่บนเครือข่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง
  • ควรใช้ภาษาที่สุภาพ และเป็นทางการในการเผยแพร่สิ่งต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต และควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  • ควรเผยแพร่ข้อมูล และข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขัดต่อศีลธรรมและจริยธรรมอันดี รวมทั้งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
  • ควรบีบอัดภาพหรือข้อมูลขนาดใหญ่ก่อนนำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต เพื่อประหยัดเวลาในการดึงข้อมูลของผู้ใช้
  • ควรระบุแหล่งที่มา วันเดือนปีที่ทำการเผยแพร่ข้อมูล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของผู้เผยแพร่ รวมทั้งควรมีคำแนะนำ และคำอธิบายการใช้ข้อมูลที่ชัดเจน
  • ควรระบุข้อมูล ข่าวสารที่เผยแพร่ให้ชัดเจนว่าเป็นโฆษณา ข่าวลือ ความจริง หรือความคิดเห็น
  • ไม่ควรเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร รวมทั้งโปรแกรมของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และที่สำคัญคือไม่ควรแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้อื่นที่เผยแพร่บนเครือข่าย
  • ไม่ควรเผยแพร่โปรแกรมที่นำความเสียหาย เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่าย และควรตรวจสอบแฟ้มข้อมูล ข่าวสาร หรือโปรแกรมว่าปลอดไวรัส ก่อนเผยแพร่เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หนังเรื่อง สาวหมวกแดง




ชื่อภาษาไทย สาวหมวกแดง

จัดจำหน่ายโดย MMM Digital

กำหนดฉายหนัง 10 มีนาคม 2554

เรื่องย่อหนัง Red Riding Hood

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ สาวสวยอย่าง Valerie (อาแมนด้า ไซเฟร็ด) เกิดมีชายหนุ่มถึงสองคนมาตกหลุมรักเธอ ซึ่งตัวเธอเองนั่นกำลังอินเลิฟอยู่กับชายหนุ่มนอกหมู่บ้านชื่อ Peter (ไชโลห์ เฟอร์นานเดซ) อยู่แล้ว แต่ผู้ปกครองของเธอกลับต้องการให้เธอแต่งงานกับเศรษฐีอย่างHenry (แม็กซ์ ไอรอนส์) ทำให้ Valerie และ Peter วางแผนที่จะหนีตามกันไป แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ พี่สาวของ Valerie ได้ถูกมนุษย์หมาป่าฆ่าตาย !! ทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในภาวะของความหวาดกลัว จึงทำให้มีการทำข้อตกลงกับมนุษย์หมาป่าโดยการส่งสัตว์เพื่อเป็นของเซ่นไหว้ ให้แทนการถูกมนุษย์หมาป่าออกตามล่าเอาชีวิต จนกระทั่งได้มีนักล่ามนุษย์หมาป่าปรากฏตัวที่หมู่บ้าน เขาคือ Father Solomon (แกรี่ โอล์ดแมน) ซึ่งเสนอตัวที่จะมาปราบมนุษย์หมาป่าให้กับคนในหมู่บ้าน และจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้ Valerie เริ่มสงสัยในตัวมนุษย์หมาป่าว่าอาจเป็นบุคคลที่เธอรัก เพราะเธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเชื่อมเธอกับมนุษย์หมาป่าเข้าด้วยกัน



รายชื่อนักแสดงนำ
อาแมนด้า ไซเฟร็ด
ไชโลห์ เฟอร์นานเดซ
แม็กซ์ ไอรอนส์
แกรี่ โอล์ดแมน

ผู้กำกับ
Catherine Hardwicke

ที่มา  http://www.zabzaa.com/movie/watch-movie-online.php?id=96&%CA%D2%C7%CB%C1%C7%A1%E1%B4%A7

หนังเรื่อง มหาตำนานวีรบุรุษองครักษ์ นกฮูกผู้พิทักษ์แห่งกาฮูล




ชื่อภาษาไทย มหาตำนานวีรบุรุษองครักษ์ นกฮูกผู้พิทักษ์แห่งกาฮูล

ชื่อภาษาอังกฤษ Legend of the Guardians


จัดจำหน่ายโดย Warner Bros

กำหนดฉายหนัง 21 ตุลาคม 2553

เรื่องย่อหนัง Legend of the Guardians : The Owls of Ga'Hoole

ผลงานชิ้นล่าสุดของ แซ็ค สไนเดอร์ ผู้กำกับจากเรื่อง 300 นี่คือผลงานกู้ชื่อหลังจากโกยเสียงชื่นชมของนักวิจารณ์เป็นกระบุงจาก Watchmen แต่กลับทำรายได้ไม่เข้าเป้าเท่าไร โดยเรื่องนี้ แซ็ค สไนเดอร์จะเนรมิตเรื่องราวของเหล่านกฮูกในรูปแบบ 3 มิติทะลุจอ ซึ่งเล่าเรื่องราวของนกฮูกตัวเอกและพี่ชายขี้อิจฉา ที่ถูกเหล่านกฮูกอันธพาลจับตัวไปเพื่อนำไปเป็นทาส เจ้านกฮูกตัวเอกของเราหลบหนีออกมาได้และได้ซ่องสุมและฝึกฝนเหล่านกฮูกที่เหลืออยู่เพื่อกลับไปเอาคืนกลุ่มนกฮูกอันธพาลให้สาสม แต่ทว่าพี่ชายขี้อิจฉากลับเข้าร่วมกับกลุ่มอันธพาลนี้ซะแล้ว นี่คือภาพยนตร์ Blockbuster ที่จะสร้างมิติใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ เหมือนกับตอนที่ 300 สร้างตำนานบทใหม่มาแล้ว


พากย์เสียง
Jim Sturgess
Rachael Taylor
Jay Laga'aia 
David Wenham

ผู้กำกับ
แซ็ค สไนเดอร์




ที่มา  http://www.zabzaa.com/movie/watch-movie-online.php?id=49&%C1%CB%D2%B5%D3%B9%D2%B9%C7%D5%C3%BA%D8%C3%D8%C9%CD%A7%A4%C3%D1%A1%C9%EC%20%B9%A1%CE%D9%A1%BC%D9%E9%BE%D4%B7%D1%A1%C9%EC%E1%CB%E8%A7%A1%D2%CE%D9%C5

หนังเรื่อง อภินิหารไวกิ้ง พิชิตมังกร




ชื่อภาษาไทย อภินิหารไวกิ้ง พิชิตมังกร
ชื่อภาษาอังกฤษ HOW TO TRAIN YOUR DRAGON
จัดจำหน่ายโดย UIP
กำหนดฉายหนัง 25 มีนาคม 2553
เรื่องย่อ HOW TO TRAIN YOUR DRAGON
จากสตูดิโอที่เคยสร้างผลงานสุดบันเทิงเริงรมย์อย่าง Shrek, Madagascar และ Kung Fu Panda พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ที่มันส์ฮาไม่แพ้กันอย่าง How To Train Your Dragon ภาพยนตร์ผจญภัยไปกับเสียง ฮา ในบรรยากาศของโลกย้อนยุคของเหล่าไวกิ้งที่แสนกำยำล่ำบึ้ก และมังกรแสนดุร้าย โดยสร้างจากหนังสือของเครสซิด้า โคเวลล์ เรื่องราวเกิดขึ้นรอบกายไวกิ้งหนุ่มน้อยวัยทีนที่ชื่อว่า ฮิคคัพ เขาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเบิร์ก ที่ซึ่งการต่อสู้กับมังกรคือวิถีแห่งชีวิตผู้คนบนเกาะ ด้วยความคิดที่ดูจะแปลกใหม่ฉลาดกว่าใคร กับอารมณ์ขันที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เขาไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ ซึ่งรวมถึงพ่อของเขา ที่เป็นหัวหน้าเผ่าด้วย เรื่องราวการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ฮิคคัพต้องเข้าฝึกการต่อสู้กับมังกรเช่นเดียวกับไวกิ้งแตก หนุ่มคนอื่นๆ เขาเห็นถึงโอกาสที่จะพิสูจน์เลือกนักสู้ของตัวเอง แต่เมื่อเขาได้พบกับศัตรู (ที่จะกลับกลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้ในที่สุด) เจ้ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บ โลกของไวกิ้งฮิคคัพก็กลับตาลปัตร การพิสูจน์ความกล้าหาญครั้งนี้ กลับกลายเป็นโอกาสที่จะสร้างอนาคตใหม่ของชนเผ่าไวกิ้งทั้งหมด
เตรียมใจพบกับ How To Train Your Dragon แบบสามมิติ ในปี 2010 แน่นอน ในโรงภาพยนตร์
ให้เสียงพากย์
เจย์ บารูเชล (Jay Baruchel)
เจอราร์ด บัตเลอร์ (Gerard Butler )
อเมริกา เฟอร์ราร่า (America Ferrera )
โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill)
คริสโตเฟอร์ มินตซ์-แพลสส์ (Christopher Mintz-Plasse)
เคร็ก เฟอร์กูสัน (Craig Ferguson)
ผู้กำกับ
Chris Sanders (คริส แซนเดอร์ส)
Dean DeBlois (ดีน เดอบลอยส์)